โครงการพระราชดำริ "เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ "
แม่น้ำป่าสักเป็นแม่น้ำสายสำคัญของชาวจังหวัดลพบุรีและสระบุรีไม่ว่าจะเป็นด้านเกษตรกรรมและการประมงแต่ในเดือนสิงหาคม–เดือตุลาคมของทุกปีจะเกิดน้ำท่วมในจังหวัดลพบุรีและรวมถึงจังหวัดสระบุรี พระนครศรีอยุธยากรุงเทพมหานครและปริมณฑลสำหรับช่วงเดือนมกราคม–เดือนพฤษภาคม ก็จะเกิดภาวะแห้งแล้งขาดแคลนน้ำใช้เพื่ออุปโภคบริโภคและเกษตรกรรมด้วยความห่วงใยในพสกนิกร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหาทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนโดยให้ “ ความโหดร้าย ”ของแม่น้ำป่าสักกลับกลายเป็นความสงบเสงี่ยมที่น่านิยมเมื่อวันที่19กุมภาพันธ์     พ.ศ.2512พระองค์ท่านจึงได้มีพระราชดำริให้กรมชลประทานศึกษาความเหมาะสมของโครงการเขื่อนเก็บกักน้ำแห่งแม่น้ำป่าสักเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำและบรรเทาอุทกภัยในเขตกลุ่มน้ำป่าสัก


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชดำรัสเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2536 ว่า “… ปัญหาเรื่องภัยแล้งนี้จะเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ และหมู่นี้ก็พูดกันอย่างเสียขวัญเสียว่าอีกหน่อยต้องปันส่วนน้ำหรือต้องตัดน้ำประปา อันนี้สำหรับกรุงเทพฯ ดังนั้น ต้องหาแนวทางแก้ไขซึ่งปัญหานี้ต้องวางแผนมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ถ้าหากว่าได้ปฏิบัติในวันนี้ เราก็ไม่ต้องพูดถึงการขาดแคลนน้ำโครงการโดยเฉพาะนั้นก็มี และโครงการนั้นได้ยืนยันมาเมื่อเดือนกว่าแล้วที่นราธิวาส ได้วางโครงการและแม้เป็นโครงการที่ไม่ได้แก้ปีนี้หรือปีหน้าแต่ถ้าทำอย่างไรดีประมาณ5หรือ6ปี ปัญหาน้ำขาดแคลนในกรุงเทพฯ จะหมดไปโดยสิ้นเชิงอาจจะนึกว่า 5-6 ปีนั้นนานความจริงไม่นานและระหว่างนี้เราก็พยายามแก้ไขเฉพาะหน้าไปเรื่อย แต่ถ้ามีความหวังว่า 5-6 ปี ปัญหานี้คงหมดไปก็คงมีกำลังใจที่จะฟันฝ่าชีวิตต่อไป ที่ว่า5-6ปีนี้ความจริงได้เริ่มโครงการนี้มากกว่า 5-6 ปี โครงการที่คิดจะทำนี้บอกได้ไม่กล้าพูดมาหลายปีแล้วเพราะเดี๋ยวจะมีการคัดค้านจากผู้เชี่ยวชาญจากผู้ที่ต่อต้านการทำโครงการ แต่โครงการนี้เป็นโครงการที่อยู่ในวิสัยที่ทำได้ แม้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อย แต่ถ้าดำเนินการไปเดี๋ยวนี้อีก 5-6 ปี ข้างหน้าเราก็สบาย แต่ถ้าไม่ทำในอีก 5-6 ปีข้างหน้าราคาค่าสร้างค่าดำเนินการก็จะขึ้นไป 2เท่า 3เท่า ลงท้ายก็จะต้องประวิงต่อไป และเมื่อประวิงต่อไปไม่ได้ทำเราก็ต้องอดน้ำแน่จะกลายเป็นทะเลทราย แล้วเราก็จะอพยพไปที่ไหนไม่ได้ โครงการนี้คือสร้างอ่างเก็บน้ำ 2แห่งแห่งหนึ่งคือแม่น้ำป่าสัก อีกแห่งคือ แม่น้ำนครนายก สองแห่งรวมกันจะเก็บกักน้ำเหมาะสมพอเพียงสำหรับการบริโภค การใช้ในเขตกรุงเทพฯ และเขตใกล้เคียงที่ราบลุ่มของประเทศไทยนี้ สำหรับการใช้น้ำนั้นต้องทราบว่าแต่ละคนใช้อยู่อย่างสบายพอสมควร โดยเฉลี่ยวันหนึ่งใช้คนละ 200ลิตร ถ้าคำนวณดูว่าวันละ 200ลิตรนี้ 5 คน ก็ใช้ 1,000ลิตรคือหนึ่งลูกบาศก์เมตรต่อวัน ถ้าปีหนึ่งคูณ 365ก็หมายความว่า 5คนใช้ในหนึ่งปี 365ลูกบาศก์เมตร ในกรุงเทพฯ และในบริเวณใกล้เคียงนี้เรานับเอาคร่าวๆ ว่ามี 10ล้านคน 10 ล้านคนก็คูณเข้าไปก็เป็น 730ล้านลูกบาศก์เมตร ฉะนั้นเราเก็บกัก 730ล้านลูกบาศก์เมตรในเขื่อนเราก็สามารถที่จะบริการคนในละแวกนี้ คนในภาคกลางใกล้กรุงเทพฯ นี้ได้ตลอดไป แล้วก็ไม่มีความขาดแคลน เขื่อนป่าสักที่ตอนแรกวางแผนให้จุได้ 1,350 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่แก้ไปแก้มาก็เหลือ 750ล้านกว่าๆ ตามตัวเลขที่ให้ไว้นี้แม้เขื่อนป่าสักเขื่อนเดียวก็พอสำหรับการบริโภคแน่นอน ไม่แห้ง ถ้าเติมอีกโครงการที่นครนายกจะได้อีก 240ล้านลูกบาศก์เมตร ก็เกินพอ... ”
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี และตำบลพราน อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี พื้นที่ของโครงการมีทั้งสิ้น 105,300 ไร่ ซึ่งมีรายละเอียดังนี้
• จังหวัดลพบุรี มีทั้งสิ้น 96,658 ไร่ ครอบคลุม 3อำเภอได้แก่ อำเภอพัฒนานิคม อำเภอท่าหลวง และอำเภอชัยบาดาล
• จัหวัดสระบุรี มีทั้งสิ้น 8,642 ไร่ คือ อำเภอวังม่วง
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็นเขื่อนดินชนิดมีแกนดินเหนียวยาว 4,860เมตร สูง 31.50เมตร ระดับน้ำกักเก็บสูงสุด +43.00 ม.รทก. เก็บน้ำได้ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร
งบประมาณการดำเนินงานรวมทั้งสิ้น 19,230.7900 ล้านบาท
ผลกระทบจากการสร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ สามารถแยกออกได้ดังนี้
ทางด้านประชากร ต้องมีประชากรจาก 2 จังหวัดรวม 4 อำเภอ คือ จังหวัดลพบุรีได้แก่ อำเภอพัฒนานิคม อำเภอท่าหลวง และอำเภอชัยบาดาล จังหวัดสระบุรี ได้แก่ อำเภอม่วง
ทางด้านสิ่งปลูกสร้างสารธารณะ มีถนนถูกน้ำท่วม 2 สาย คือ อำเภอชัยบาดาล-อำเภอสนธิ และอำเภอชัยบาดาล – อำเภอด่านขุนทด ส่วนเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างสถานีแก่งเสือเต้น-สถานีสุรนารายณ์ และ สายแก่งคอย-บัวใหญ่ นอกจากนี้ยังมีโรงเรียน วัด ส่วนราชการ และธุรกิจเอกชน
ทางด้านสิ่งแวดล้อม มีแหล่งโบราณคดี 33 แห่ง และวัฒนธรรมชุมชนไทยเบิ้ง รวมทั้งพื้นที่ป่าไม้แต่เป็นไม้ที่ไม่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ
จากผลกระทบจากการสร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ หน่วยงานราชการและผู้เกี่ยวข้องได้ร่วมมือกันให้ความร่วมมือให้ความช่วยเหลือราษฏรในเขต 2จังหวัด ทั้งทางด้านสาธารณูปโภค ด้านไฟฟ้า ถนน น้ำประปา ตลอดจนได้สร้างวัด โรงเรียน และสถานีอนามัย สถานีตำรวจ ทดแทนของเดิมให้กับพื้นที่ชุมชนใหม่ พร้อมทั้งจัดการส่งเสริมพัฒนาอาชีพทั้งการเกษตร การประมง การปศุสัตว์ และอุตสาหกรรมในครัวเรือน เช่น สอนการแปรรูปอาหารและการถนอมอาหาร การทำดอกไม้จันทน์และดอกไม้ประดิษฐ์จากเปลือกข้าวโพด และการทอผ้าด้วยกี่กระตุก ประโยชน์จากการสร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
•เป็นแหล่งสำหรับอุปโภคบริโภคของประชาชนในเขตลพบุรีและสระบุรี
• เป็นแหล่งน้ำเพื่อการอุตสาหกรรมในเขตลพบุรีและสระบุรี
•เป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรในพื้นที่ชลประทานที่จะเกิดขึ้นใหม่ในเขตลพบุรีและสระบุรี
• เป็นแหล่งน้ำเสริมสำหรับพื้นที่โครงการชลประทานเดิม
• เป็นแหล่งประมงน้ำจืดขนาดใหญ่และแหล่งเพาะพันธ์ปลา
•ช่วยการคมนาคมทางน้ำในแม่น้ำป่าสักตอนล่าง และการแก้ไขปัญหาน้ำเสีย
• ทำให้เศรษฐกิจของจังหวัดลพบุรีและจังหวัดสระบุรีขยายตัวมากขึ้น
•ช่วยป้องกันอุทกภัยในเขตจังหวัดลพบุรีและจังหวัดสระบุรีรวมทั้งในพื้นที่ตอนล่างของแม่น้ำเจ้าพระยา กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
• เป็นแหล่งน้ำเสริมสำหรับอุปโภคบริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร
• เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ


ที่มา  http://www.finansalife.com/king80/project2.html

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น